Phoobes: 23-08-2011, 11:33 PM
ท่านนักรบธรรมครับ การสนทนา เล่าสู่กันฟัง ถึงการปฏิบัติในกลุ่ม
เป็นที่น่านิยมอย่างยิ่งครับ
เพราะยังประโยชน์ให้ทั้งตัวเราและผู้สนใจท่านอื่นๆที่ได้เข้ามาอ่าน ศึกษา
ซึ่งอาจมีผลปฏิบัติพอเทียบเคียงกันได้
และเนื่องจากเราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ครูอาจารย์
ที่จะคอยสงเคราะห์ตรวจสอบให้เราทุกวันเวลา
จุดนี้ก็ได้อาศัยเพื่อนนักรบธรรมในกลุ่มของเราที่ท่านมีภูมิจิตภูมิธรรมเกื้อกูล
แนะแนวทาง ให้เราผ่านที่ติดขัดและไปต่อได้
ผมว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราได้รับการเติมเต็มวิถีทางการปฏิบัติ
แม้จะอยู่ห่างไกลท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ บางครั้ง บางท่าน
รวมทั้งตัวผมด้วยอาจเคยคิดว่าการแสดงออกทางความคิดเห็น
การแสดงออกถึงการปฏิบัติของเราให้ผู้อื่นรับรู้รับทราบอาจจะถูกมองว่าเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน
จึงเก็บงำไว้ไม่แสดงออกมา
น่าจะเป็นการเสียโอกาสของเราที่จะยกระดับจิตขึ้นไปอย่างยิ่ง
และผมเชื่อว่าในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมในกลุ่มของเราไม่มีใครคิดเช่นนั้น
เพราะจิตใจของหลายท่านทรงอยู่ในพรหมวิหารธรรม
อีกด้านหนึ่งยังยังประโยชน์แก่ท่านที่กรุณาแนะแนวทางให้เรา
ด้วยจิตของท่านก็ยกระดับละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก
เหมือนกับว่าได้รับถ่ายทอดกระแสธรรมมาจากธาตุธรรมเบื้องสูงผ่านจิตท่านและมาสู่จิตเรา
ผมจึงขอยกย่องและชื่นชมแนวทางนี้ ซึ่งสังเกตุว่าได้มีมากขึ้น
หลังจากที่ท่านนักรบธรรมกลับจากภูดานไห จึงขออนุโมทนา
ทั้งท่านผู้อนุเคราะห์เกื้อกูลให้คำแนะนำและท่านผู้กล้าแสดงตัวตนในธรรมปฏิบัติของท่าน
สมกับได้ขึ้นชื่อนักรบธรรมครับ
ที่ผมยกข้อนี้ขึ้นมาสรรเสริญ
เพราะในส่วนตัวผมก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงผู้ติดตามอ่าน ศึกษา
เนื่องเพราะตอนนั้นคิดว่าภูมิรู้เรามีเพียงหางอึ่ง จะเอาความรู้อะไรมาแลกเปลี่ยน
แบ่งปัน รู้แต่เรื่องใกล้ตัว พอได้รู้กายตนบ้าง จิตตนบ้าง ธรรมชาติรอบข้าง รอบตัว
ก็พอจะโอปนยิโก นึกน้อมยังประโยชน์มาสู่ใจได้บ้าง แต่ก็วนเวียนอยู่กับความเผลอ
ความระลึกรู้ อยู่อย่างนั้น ใจก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรที่วิเศษกว่าเดิม
ก็ยังเป็นใจแบบธรรมดาๆ พอจะให้นึกน้อยใจในวาสนาบารมีของตนอยู่บ้าง
ดีที่ได้รับกำลังใจจากพ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้ความรู้ในข้อนี้ว่า
ใจที่เข้าสู่อริยมรรค อริยผลก็เป็นใจธรรมดาๆนี่แหละ
ไม่ได้เป็นใจที่ถูกทำให้วิเศษวิโสอะไร เพียงแต่ไม่ยึดถือกายใจ แม้แต่ตัวผู้รู้ก็ตาม
นั่นแหละที่แตกต่างจากใจทั่วไป ก็ทำให้ได้ข้ามผ่านความหลงผิดในข้อนี้
พอให้มีกำลังใจปฏิบัติต่อไปได้
และหลังจากได้รับการกระทุ้งจากหลายท่านที่นี่
ว่าให้แสดงตัวตนออกมาบ้างเพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น จึงได้ผ่านจุดนั้น กล้าออกมา
สนทนา แลกเปลี่ยนในกลุ่มนักรบธรรม ก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านที่ช่วยกระทุ้ง มา ณ
ที่นี้ด้วยครับ
ดร.นนต์:
ความจริง ย่อมไม่กลัว
ความไม่จริงในเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ของเราทำเป็นตัวอย่างแล้ว
พวกเราเหล่านักรบธรรมจึงชอบแล้ว ที่จะดำเนินตามรอยของพ่อแม่ครูอาจารย์
ซึ่งเสมือนเป็นการเจริญรอยตามพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั่นเอง ธรรมนั้นเป็นอันเดียวกัน
การเปิดเผยความจริงบางอย่างที่เพียงพอต่อพื้นธรรมของผู้แสวงหาธรรมนั้น ย่อมไม่ผิด
และสมควรแล้ว
เมื่อเราปฏิบัติมาดีมาชอบได้ระยะหนึ่ง
ความระลึกรู้บางอย่างเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากลังเลสงสัยในตัวเอง
ค่อยๆเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง จนในที่สุด เมื่อมันตกผลึกแล้ว ความจริง ความเชื่อมั่น
ความไม่ลังเลสงสัย ความศรัทธา ความระลึกรู้บุญคุณของพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
ย่อมหลั่งไหลออกมาโดยอัตโนมัติ ความปีติมิมีวันเหือดหาย
ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้าสู่กระแสมรรค
ใครจะรู้บ้างหนอว่า จะมีอริยะบุคคลเกิดขึ้นที่ภูดานไหจำนวนกี่องค์
(พ่อแม่ครูอาจารย์ใช้คำว่า อรหันต์)
ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ