วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

10: phoobes:ดร.นนต์

Phoobes: 23-08-2011, 11:33 PM

ท่านนักรบธรรมครับ การสนทนา เล่าสู่กันฟัง ถึงการปฏิบัติในกลุ่ม เป็นที่น่านิยมอย่างยิ่งครับ เพราะยังประโยชน์ให้ทั้งตัวเราและผู้สนใจท่านอื่นๆที่ได้เข้ามาอ่าน ศึกษา ซึ่งอาจมีผลปฏิบัติพอเทียบเคียงกันได้ และเนื่องจากเราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่จะคอยสงเคราะห์ตรวจสอบให้เราทุกวันเวลา จุดนี้ก็ได้อาศัยเพื่อนนักรบธรรมในกลุ่มของเราที่ท่านมีภูมิจิตภูมิธรรมเกื้อกูล แนะแนวทาง ให้เราผ่านที่ติดขัดและไปต่อได้

ผมว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราได้รับการเติมเต็มวิถีทางการปฏิบัติ แม้จะอยู่ห่างไกลท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ บางครั้ง บางท่าน รวมทั้งตัวผมด้วยอาจเคยคิดว่าการแสดงออกทางความคิดเห็น การแสดงออกถึงการปฏิบัติของเราให้ผู้อื่นรับรู้รับทราบอาจจะถูกมองว่าเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน จึงเก็บงำไว้ไม่แสดงออกมา น่าจะเป็นการเสียโอกาสของเราที่จะยกระดับจิตขึ้นไปอย่างยิ่ง และผมเชื่อว่าในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมในกลุ่มของเราไม่มีใครคิดเช่นนั้น เพราะจิตใจของหลายท่านทรงอยู่ในพรหมวิหารธรรม อีกด้านหนึ่งยังยังประโยชน์แก่ท่านที่กรุณาแนะแนวทางให้เรา ด้วยจิตของท่านก็ยกระดับละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก เหมือนกับว่าได้รับถ่ายทอดกระแสธรรมมาจากธาตุธรรมเบื้องสูงผ่านจิตท่านและมาสู่จิตเรา ผมจึงขอยกย่องและชื่นชมแนวทางนี้ ซึ่งสังเกตุว่าได้มีมากขึ้น หลังจากที่ท่านนักรบธรรมกลับจากภูดานไห จึงขออนุโมทนา ทั้งท่านผู้อนุเคราะห์เกื้อกูลให้คำแนะนำและท่านผู้กล้าแสดงตัวตนในธรรมปฏิบัติของท่าน สมกับได้ขึ้นชื่อนักรบธรรมครับ


ที่ผมยกข้อนี้ขึ้นมาสรรเสริญ เพราะในส่วนตัวผมก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงผู้ติดตามอ่าน ศึกษา เนื่องเพราะตอนนั้นคิดว่าภูมิรู้เรามีเพียงหางอึ่ง จะเอาความรู้อะไรมาแลกเปลี่ยน แบ่งปัน รู้แต่เรื่องใกล้ตัว พอได้รู้กายตนบ้าง จิตตนบ้าง ธรรมชาติรอบข้าง รอบตัว ก็พอจะโอปนยิโก นึกน้อมยังประโยชน์มาสู่ใจได้บ้าง แต่ก็วนเวียนอยู่กับความเผลอ ความระลึกรู้ อยู่อย่างนั้น ใจก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรที่วิเศษกว่าเดิม ก็ยังเป็นใจแบบธรรมดาๆ พอจะให้นึกน้อยใจในวาสนาบารมีของตนอยู่บ้าง ดีที่ได้รับกำลังใจจากพ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้ความรู้ในข้อนี้ว่า ใจที่เข้าสู่อริยมรรค อริยผลก็เป็นใจธรรมดาๆนี่แหละ ไม่ได้เป็นใจที่ถูกทำให้วิเศษวิโสอะไร เพียงแต่ไม่ยึดถือกายใจ แม้แต่ตัวผู้รู้ก็ตาม นั่นแหละที่แตกต่างจากใจทั่วไป ก็ทำให้ได้ข้ามผ่านความหลงผิดในข้อนี้ พอให้มีกำลังใจปฏิบัติต่อไปได้
และหลังจากได้รับการกระทุ้งจากหลายท่านที่นี่ ว่าให้แสดงตัวตนออกมาบ้างเพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น จึงได้ผ่านจุดนั้น กล้าออกมา สนทนา แลกเปลี่ยนในกลุ่มนักรบธรรม ก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านที่ช่วยกระทุ้ง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ


ดร.นนต์:
ความจริง ย่อมไม่กลัว ความไม่จริงในเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ของเราทำเป็นตัวอย่างแล้ว พวกเราเหล่านักรบธรรมจึงชอบแล้ว ที่จะดำเนินตามรอยของพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งเสมือนเป็นการเจริญรอยตามพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั่นเอง ธรรมนั้นเป็นอันเดียวกัน การเปิดเผยความจริงบางอย่างที่เพียงพอต่อพื้นธรรมของผู้แสวงหาธรรมนั้น ย่อมไม่ผิด และสมควรแล้ว

เมื่อเราปฏิบัติมาดีมาชอบได้ระยะหนึ่ง ความระลึกรู้บางอย่างเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากลังเลสงสัยในตัวเอง ค่อยๆเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง จนในที่สุด เมื่อมันตกผลึกแล้ว ความจริง ความเชื่อมั่น ความไม่ลังเลสงสัย ความศรัทธา ความระลึกรู้บุญคุณของพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ย่อมหลั่งไหลออกมาโดยอัตโนมัติ ความปีติมิมีวันเหือดหาย

ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้าสู่กระแสมรรค
ใครจะรู้บ้างหนอว่า จะมีอริยะบุคคลเกิดขึ้นที่ภูดานไหจำนวนกี่องค์ (พ่อแม่ครูอาจารย์ใช้คำว่า อรหันต์)
ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ