วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

18: พ่อสอนลูก

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานที่เคารพรักของเรา สอนเราไว้ว่า
1) คนดี คือคนมีเมตตาปราณีต่อเพื่อน กับสงสารสงเคราะห์ซึ่งกันและกันด้วย สังคหวัตถุ
- ให้กันด้วยวัตถุ
- มีวาจาไพเราะอ่อนหวานเป็นที่รัก
- ช่วยกิจการงานของเพื่อน
- ไม่ถือตัว ไปไหนทำตนเสมอกัน
หลัก 4 ประการนี้ ถ้ามีอยู่ในใจของลูก ลูกปฏิบัติได้พ่อจะมีความสุขมากใจมาก พ่อมีชีวิตอยู่พ่อก็มีความสุข พ่อตายไปแล้วพ่อก็มีความสุขใจ หรือตายอย่างนอนตาหลับ ทั้งนี้เพราะลูกของพ่อเป็นคนดี


2) ต้องทราบไว้เสมอว่าคนที่เกิดมานี้ มีต้นกรรมไม่เสมอกัน คนในโลกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ
2.1 คนฉลาดมาก ที่ทำบุญไว้เต็มที่แล้ว มีบารมีครบถ้วน เพียงแนะนำแต่เพียงหัวข้อย่อ ๆ ก็บรรลุมรรคผลทันที
2.2 บางพวกปัญญาบารมีหย่อนนิดหน่อย พออธิบายก็บรรลุมรรคผล
2.3 บางพวกพอแนะนำให้เข้าใจในกุศลเบื้องต้นได้ แต่เอาบรรลุมรรคผลไม่ได้
2.4 พวกสุดท้าย เป็นพวกเหลือขอ พูดไม่รู้เรื่อง อวดตัวว่าเป็นผู้วิเศษ หมดทางแนะนำ
คนในโลกแบ่งออกเป็น 4 พวกนี้ ลูกจงอย่าคิดว่าเขาจะเหมือนเราเสมอไป การแนะนำเป็นของดี แต่อย่าเอาใจไปผูกพัน ถือว่าบอกปล่อย เขาทำตามก็ดีไม่ทำตามก็ช่าง เอาตัวรอดเป็นการพอแล้ว ปล่อยเขา เขาจะคิด จะพูด จะทำอย่างไร อย่าสนใจเป็นอันขาด


3) ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น โลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ให้วางมันเสีย กรรมของเราที่มีความโง่เกิดมาในโลกนี้ โลกเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ ความสุขความทุกข์ในโลกอย่าสนใจ สนใจอย่างเดียว ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เรามีความสุข ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้อีกไม่กี่วันมันก็พัง ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ท่านบอกว่ามีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลาย ร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่าท่านมีความสุข เราก็พยายามทำให้สุขเหมือนท่านบ้าง ข้อสำคัญจงจำไว้ว่า จงอย่าคิดเราดีไว้เสมอ มองดูความบกพร่องของจิต ว่า จิตเราบกพร่องตรงไหนบ้าง พยายามแก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ
บรรดาลูกรักของพ่อทุกคน ปฏิปทาใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความชนะในมารนั้น ขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงชนะในมารฉันนั้น ด้วยกำลังใจที่ทรงความดี


4) ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานทั้งหลายเหล่านั้น ขอลูกรักทั้งหมด จงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือ รักษาไว้ด้วยชีวิต เพราะงานสาธารณะประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข


5) ขอลูกรักทั้งหมด จงอย่าสนใจกับคำนินทาและสรรเสริญ ลูกรักของพ่อทุกคนจงจำไว้ว่า ถ้าร่างกายมันยังมีอยู่ จงอย่าปรารภว่าตนเป็นคนดี เพราะว่าสิ่งที่เราเกาะอยู่นี่มันเลว คือ ขันธ์ 5 ได้แก่ ร่างกาย มันทั้งสกปรก มันทั้งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง มีการป่วยไข้ไม่สบาย มีการตายไปในที่สุด ร่างกายมันเป็นส่วนรับทุกขเวทนา ฉะนั้นขอลูกรักทุกคน จงอย่าสนใจกับร่างกายของตนเอง และของบุคคลอื่น คำว่าไม่สนใจ หมายความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็เลี้ยงดูมันไปตามสภาพ มันหิวก็ให้มันกิน มันร้อนก็หาของเย็นให้ มันหนาวก็หาของอุ่นให้ และก็จงบอกกับมันว่า เอ็งตายคราวนี้ ข้าเลิกคบเอ็งละนะ ทั้งนี้เพราะเอ็งไม่ดีเลย เอ็งมันเลวมาก ประคับประคองเท่าไร เอ็งก็ไม่ตามใจข้า ถ้าภาษาไทยชัด ๆ ก็พูดว่า เมื่อมึงไม่ตามใจกู กูก็จะไม่คบมึงอีกต่อไป


6) ลูกรักของพ่อ ถ้าลูกต้องการหมดความทุกข์ ต้องการมีความสุข ก็จงอย่าคิดว่าโลกนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหมดในโลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา ร่างกายบุคคลอื่นเป็นพวกเรา เป็นของเรา จงคิดว่าร่างกายมันเป็นแต่เพียงธาตุ 4 เข้ามาประชุมกัน เห็นร่างกายภายใน คือร่างกายของเรา ก็ทำความรู้สึกแต่เพียงสักแต่ว่าเห็น คือ ไม่สนใจ ไม่ยึดถือว่ามันกับเราจะอยู่ด้วยกันตลอดกาลตลอดสมัย ตัดความโลภเสียด้วยการให้ทาน ตัดความโกรธเสียด้วยการเห็นใจซึ่งกันและกัน ตัดความหลงคือ ยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
ลูกชายและลูกหญิงของพ่อถ้ามีอารมณ์ได้อย่างนี้ทั้งหมด ก็ปรากฏว่าทุกคนจะมีกำลังใจเป็นสุข ทุกคนจะหาความทุกข์ไม่ได้ เพราะมีใจสบาย อารมณ์ใจของลูกจะสบายได้ เมื่อลูกยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง


7) ลูกรักทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตาย จงคิดว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการตายต่อไป นั่นคือ พระนิพพาน พ่อมั่นใจในกำลังใจและความดีของลูกว่าพระนิพพานสมบัติจะไม่ขาดไปจากกำลังจิตของลูก และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ลูกของพ่อต้องได้แน่นอน นี่เป็นความหวังของพ่อ แต่ทว่าถ้าลูกรักของพ่อลืมความดีนี้เสียเมื่อไร จิตใจพัวพันอยู่ในราคะก็ดี พัวพันอยู่ในโลภะ ความหลงก็ดี พัวพันอยู่ในความโกรธพยาบาทก็ดี เป็นอันว่าลูกกับพ่อนี้ต้องแยกทางเดินกัน ไม่ใช่พ่อโกรธลูก แต่เวลาตายจริง ๆ เราตามกันไม่ไหว หวังว่าลูกรักทุกคนคงจะจำได้ คงจะละสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ คือ พยายามละทีละน้อย ปลดเปลื้องมันไป ไม่ช้ามันก็หมด


8) คนเราเกิดมาในโลกที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มี ถ้าเราจะชดใช้บาป มันก็ชดใช้กันไม่ไหว มีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือ หนีบาป การภาวนาให้จิตทรงตัว การคิดถึงคุณพระรัตนตรัย พยายามรวบรวมบารมี 10 ประการไว้ให้ครบถ้วน พยายามตัดสังโยชน์ 10 ประการ ให้หมด จรณะ 15 ปฏิบัติให้ครบถ้วน มีพรหมวิหาร 4 ให้ครบถ้วน ทรงศีลให้บริสุทธิ์ มีอิทธิบาท 4 ทรงตัว เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ ลูกรักของพ่อจะไม่ต้องเกิดอีกต่อไป


9) ยามปกติเอาจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ นึกถึงพระพุทธเจ้าได้ ตั้งใจตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน
เครื่องมือที่ลูกจะมีไว้นั่นคือ บารมี 10 ทำให้ครบถ้วน สังโยชน์ 10 ตัดให้ขาดให้หมด มี จรณะ 15 มีอิทธิบาท 4 มีพรหมวิหาร 4 มีศีล ปกติ มีทาน ปกติ ทั้งหมดนี้ต้องมีประจำใจ จับพระนิพพาน เป็นอารมณ์ ถ้าจิตจับ พระนิพพาน ได้แล้ว ลูกแก้วของพ่อไม่ต้องวิตกกังวล ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเราหมด


10) พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราจะพึงศึกษาและปฏิบัติให้ละกันได้จริง ๆ นั่นก็คือ สังโยชน์ 10 ประการ ขอลูกรักทุกคน ลูกมีกำลังใจเป็นมหากุศลยากที่จะหาคนอื่นเสมอเหมือนได้ แต่คำชมของพ่อขอลูกอย่าเหลิง ถ้ามีความทะนงตนเมื่อไร ลูกก็เลวเมื่อนั้น จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่มีความดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิทอย่าให้มันเกิดขึ้นมา เมื่อกิเลส คือ ความชั่วตายหมด ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำได้


11) ฉันมั่นใจ ลูกหลานของฉันทุกคนเวลาตายอย่างต่ำก็ต้องไปสวรรค์ชั้นกามาวจร อย่างกลางต้องไปพรหมโลก อย่างดีที่สุดมีอยู่แล้วก็คือพระนิพพาน แต่ใครจะหมุนกลับลงมามนุษย์โลก ฉันแน่ใจว่าลูกหลานของฉันไม่จน คนที่รวยอยู่แล้วจะรวยมากกว่านี้ คนที่ไม่เคยร่ำรวยจะพบกับความร่ำรวยอย่างคาดไม่ถึง นี่สิ่งเหล่านี้ฉันมีความมุ่งหวังมานาน ตั้งแต่บวชปีแรกฉันทำอย่างนี้ และฉันก็ทำตลอดมา ทำในสมัยที่ฉันมีกำลังร่างกายดี แต่เวลานี้ฉันไม่มีแรงแล้ว หาเงินไม่ไหว เทศน์ก็ไม่ไหว สวดมนต์ก็ไม่ไหว ร่างกายมันไม่อำนวย เงินทองที่จะใช้จะกินเข้าไป นอกจากลูกหลานทุกคนสงเคราะห์ฉันอย่างคาดไม่ถึง ผลความดีอันนี้แหละ ในฐานะที่ฉันเป็นหลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ และก็เป็นพระแก่เจ้ากี้เจ้าการ ถือพระรัตนตรัยเป็นสำคัญ คือ มีพระพุทธเจ้าเป็นประทาน ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมด และพรหม เทวดาทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจดจำลูกหลานของฉันไว้ว่า บุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการ แก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูกเวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคนมีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว


12) ที่พ่อมีความรื่นเริง มีกำลังกายกำลังใจ ทำได้ทุกอย่างก็เพราะลูกทุกคนเป็นคนดี อยู่ในโอวาทขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น ลูกทุกคนจึงเป็นที่รักของพ่อ ใครเขาจะเกลียด ใครเขาจะชังลูก เป็นเรื่องของเขา แต่ว่าพ่อรักลูกทุกคนเสมอกัน ต้องการอย่างเดียวคือ จะนำทางให้ลูกพ้นทุกข์ เข้าไปหาแดนความสุขที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่มีความหนักใจแม้แต่นิดเดียว นั่นคือ พระนิพพาน


13) ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้ พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ขอลูกจงถือว่านั่นคือ ตัวแทนของพ่อ เพราะว่าชีวิตของพ่อ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ 5 ของพ่อนี้เป็นสำคัญ ปฏิปทาใดที่เป็นที่พอใจ ไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำ และจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณะประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่า พ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่า พ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ