อบายมุข
อบายมุข
จากวิกิพีเดีย
สารานุกรมเสรี
อบายมุข (อ่านว่า อะ-บาย-ยะ-มุก) แปลว่า
ช่องทางแห่งความเสื่อม ทางแห่งความพินาศ ทางแห่งความฉิบหาย
สาเหตุให้ถึงความเสื่อม
มี ๒ หมวด คือ
- อบายมุข
๔
- อบายมุข ๖
อบายมุข ๔ ได้แก่
๑.
เป็นนักเลงหญิง
๒. เป็นนักเลงสุรา
๓. เป็นนักเลงการพนัน
๔.
การคบคนชั่วเป็นมิตร
อบายมุข ๖ ได้แก่
๑.
การดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๒.
การเที่ยวในเวลากลางคืน
๓. การเที่ยวดูการละเล่นต่าง ๆ
๔.
การเล่นการพนัน
๕. การคบคนชั่วเป็นมิตร
๖.
การเกียจค้านทำการงาน
- ติดสุราและของมึนเมา
มีโทษ ๖ อย่าง คือ
๑. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
๒.
ก่อการทะเลาะวิวาท
๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
๔. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
๕.
เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
๖. ทอนกำลังปัญญา
- ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ ๖
อย่าง คือ
๑. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
๒.
ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
๓.
ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
๔. ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น
๕.
คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้น ๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
๖.
อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม
- ชอบเที่ยวดูการละเล่น มีโทษ
โดยการงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวลคอยคิดจ้อง กับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆ ทั้ง ๖
กรณี คือ
๑. รำที่ไหนไปที่นั่น
๒. ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
๓.
ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น
๔. เสภาที่ไหนไปที่นั่น
๕. เพลงที่ไหนไปที่นั่น
๖.
เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
- ติดการพนัน มีโทษ ๖ อย่าง คือ
๑.
ผู้ชนะย่อมก่อเวร
๒. ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
๓.
ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน
๔. ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน
ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น
๕. ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท
๖.
ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า
ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา
- คบคนชั่ว มีโทษ
โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง ๖ ประเภท คือ
๑.
นำให้เป็นนักเลงการพนัน
๒. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
๓.
นำให้เป็นนักเลงเหล้า
๔. นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
๕.
นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
๖. นำให้เป็นคนหัวไม้
- เกียจคร้านการงาน
มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิด
โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง ๖ กรณี คือ
๑.
หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน
๒. ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน
๓.
เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน
๔. ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน
๕.
หิวนักแล้วไม่ทำการงาน
๖. อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน
อบายมุขทั้งหมดนี้หากประพฤติเข้าแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความฉิบหาย
ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชีวิตร่างกายได้เหมือนกันทุกข้อ
ข้อความอ้างอิง
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร
อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔
และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖
อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔
อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖
ย่อมปฏิบัติเพื่อ ชำนะโลกทั้งสอง
และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว
ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ฯ
อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน
ดูกร คฤหบดีบุตร
การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่าง
ๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ
๑
การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนือง ๆ
ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ
๑
การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ
๑
การประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
ฯ
อ้างอิง
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙
ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๕๔๘
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์
ฉบับประมวลธรรม".
สิงคาลกสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑