วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

34: อบายมุข

อบายมุข


อบายมุข
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อบายมุข (อ่านว่า อะ-บาย-ยะ-มุก) แปลว่า ช่องทางแห่งความเสื่อม ทางแห่งความพินาศ ทางแห่งความฉิบหาย สาเหตุให้ถึงความเสื่อม

มี ๒ หมวด คือ

- อบายมุข ๔
- อบายมุข ๖


อบายมุข ๔ ได้แก่

๑. เป็นนักเลงหญิง
๒. เป็นนักเลงสุรา
๓. เป็นนักเลงการพนัน
๔. การคบคนชั่วเป็นมิตร

อบายมุข ๖ ได้แก่

๑. การดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๒. การเที่ยวในเวลากลางคืน
๓. การเที่ยวดูการละเล่นต่าง ๆ
๔. การเล่นการพนัน
๕. การคบคนชั่วเป็นมิตร
๖. การเกียจค้านทำการงาน


- ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ ๖ อย่าง คือ
๑. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
๒. ก่อการทะเลาะวิวาท
๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
๔. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
๕. เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
๖. ทอนกำลังปัญญา

- ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ ๖ อย่าง คือ
๑. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
๒. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
๓. ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
๔. ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น
๕. คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้น ๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
๖. อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม

- ชอบเที่ยวดูการละเล่น มีโทษ โดยการงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวลคอยคิดจ้อง กับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆ ทั้ง ๖ กรณี คือ
๑. รำที่ไหนไปที่นั่น
๒. ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
๓. ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น
๔. เสภาที่ไหนไปที่นั่น
๕. เพลงที่ไหนไปที่นั่น
๖. เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น

- ติดการพนัน มีโทษ ๖ อย่าง คือ
๑. ผู้ชนะย่อมก่อเวร
๒. ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
๓. ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน
๔. ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น
๕. ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท
๖. ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา

- คบคนชั่ว มีโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง ๖ ประเภท คือ
๑. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
๒. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
๓. นำให้เป็นนักเลงเหล้า
๔. นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
๕. นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
๖. นำให้เป็นคนหัวไม้

- เกียจคร้านการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิด โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง ๖ กรณี คือ
๑. หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน
๒. ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน
๓. เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน
๔. ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน
๕. หิวนักแล้วไม่ทำการงาน
๖. อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน


อบายมุขทั้งหมดนี้หากประพฤติเข้าแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความฉิบหาย ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชีวิตร่างกายได้เหมือนกันทุกข้อ

ข้อความอ้างอิง
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖

อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖

ย่อมปฏิบัติเพื่อ ชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ

อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน

ดูกร คฤหบดีบุตร การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่าง ๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

การประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ


อ้างอิง
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๔๘

พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".
สิงคาลกสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑