วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

39: ทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

ทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น



ภูมกสูตร ๑๘/๓๔๒

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ปาวาริกอัมพวัน ใกล้เมือง นาลันทา

ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่า อสิพันธกบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ มีคนโทน้ำติดตัว ประดับพวงมาลัยสาหร่าย อาบน้ำทุกเช้าเย็น บำเรอไฟ พราหมณ์เหล่านั้นเชื่อว่า ยังสัตว์ที่ตายทำกาละแล้วให้เป็นขึ้น ให้รู้ชอบ ชวนให้เข้าสวรรค์

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถกระทำให้สัตว์โลกทั้งหมดเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ได้หรือ?”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “คามณี ถ้าอย่างนั้น เราจักย้อนถามท่านในข้อนี้ปัญหาควรแก่ท่านด้วยประการใด ท่านพึงพยากรณ์ปัญหาข้อนั้นด้วยประการนั้น

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? บุรุษในโลกนี้ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา (ความเพ่งเล็งด้วยความโลภ) มีจิตพยาบาท และมีความเห็นผิด

หมู่มหาชนมาประชุมกันแล้ว พึงสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบผู้นั้นว่า “ขอบุรุษนี้เมื่อตายไปแล้ว จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เถิด”

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? บุรุษนั้นเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน เพราะเหตุแห่งการสรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบดังนี้หรือ?”

นายบ้านทูลตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “คามณี! เปรียบเหมือนบุรุษโยนหินก้อนหนาใหญ่ลงในห้วงน้ำลึก หมู่มหาชนพึงมาประชุมกัน แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบหินนั้นว่า

“ขอจงโผล่มาเถิดท่านก้อนหิน ขอจงลอยขึ้นมาเถิดท่านก้อนหิน ขอจงขึ้นบกเถิดท่านก้อนหิน”

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? ก้อนหินนั้นพึงโผล่ขึ้น พึงลอยขึ้น หรือพึงขึ้นบก เพราะเหตุแห่งการวิงวอน สรรเสริญ หรือประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ?”

นายบ้านทูลตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “คามณี ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษ (สตรี) คนใดฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา (ความเพ่งเล็งด้วยความโลภ) มีจิตพยาบาท และมีความเห็นผิด

หมู่มหาชนพึงมาประชุมกัน แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษ (สตรี) นั้นว่า

“ขอบุรุษ (สตรี) นี้เมื่อตายไปแล้ว จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์” ก็จริง แต่บุรุษ (สตรี) นั้นเมื่อตายแล้ว พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

คามณี! ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? บุรุษ (สตรี) ในโลกนี้ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ไม่มากไปด้วยอภิชฌา (ความเพ่งเล็งด้วยความโลภ) มีจิตไม่พยาบาท และมีความเห็นชอบ

หมู่มหาชนพึงมาประชุมกัน แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบบุรุษ (สตรี) นั้นว่า “ขอบุรุษ (สตรี) นี้เมื่อตายไปแล้ว จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เถิด”

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? บุรุษ (สตรี) นั้น เมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน สรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ?”

นายบ้านทูลตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “คามณี! เปรียบเหมือนบุรุษลงไปยังห้วงน้ำลึก แล้วพึงทุบหม้อเนยใสหรือหม้อน้ำมัน ก้อนกรวดหรือก้อนหินที่มีอยู่ในหม้อนั้นพึงจมลง เนยใสหรือน้ำมัน ที่มีอยู่ในหม้อนั้นพึงลอยขึ้น

หมู่มหาชนพึงมาประชุมกัน แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบเนยใสหรือน้ำมันนั้นว่า

“ขอจงจมลงเถิด ท่านเนยใสและน้ำมัน ขอจงดำลงเถิด ท่านเนยใสและน้ำมัน ขอจงลงไปภายใต้น้ำเถิด ท่านเนยใสและน้ำมัน”

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? เนยใสและน้ำมันนั้นพึงจมลง พึงดำลง พึงลงไปอยู่ภายใต้น้ำ เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน สรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ?”

นายบ้านทูลตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “คามณี! ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษ (สตรี) ใด เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ไม่มากไปด้วยอภิชฌา (ความเพ่งเล็งด้วยความโลภ) มีจิตไม่พยาบาท และมีความเห็นชอบ

หมู่มหาชนจะพากันมาประชุม แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบบุรุษ (สตรี) นั้นว่า

“ขอบุรุษ (สตรี) นี้ เมื่อตายไปแล้ว จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็จริง แต่บุรุษ (สตรี) นั้นเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”

ในตอนท้าย นายบ้าน อสิพันธกบุตร เกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต.