จากอุทกภัยที่เกิดในบ้านเรา ในหลายที่หลายถิ่น
ทำให้ทุกวันนี้ต่างวิตกกันว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
หากมองตามสภาพของโลกที่ขาดสมดุลหรือเรียกได้ว่าป่วย
คงจะคาดคะเนกันได้ว่าทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้
ด้วยธรรมชาติที่จำต้องมีการปรับสมดุลให้กับตัวเองเช่นกัน
อีกทั้งยังมีวิทยาการที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นไปด้วยน้ำมือมนุษย์ อย่างที่ปัจจุบันได้ทราบอย่างโครงการ haarp ที่ใช้พลังคลื่นแม่เหล็กความถี่สูงเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาในชั้นบรรยากาศ สามารถทำให้เกิดพายุ แผ่นดินไหว สึนามิ ยิ่งทำให้โลกเกิดความวิปริตจากความวิปริตของมนุษย์ ซึ่งในวันหนึ่งมนุษย์ผู้ไม่รู้จะได้รู้ว่าพระธรรมชาติเจ้านั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
หากคุยกันในเรื่องความฝัน นิมิต ในส่วนตัวผมมักมองไปในแง่มุมของการโน้มไปสู่ธรรม เสียมากกว่าการจะพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะนิมิตคือเครื่องหมาย ก็ยังหาใช่ความจริงไม่ ส่วนจะเป็นเรื่องบังเอิญเป็นจริง หรือเป็นลางบอกเหตุ ก็เป็นสิ่งที่ให้เราได้มีสติ มีความระมัดระวัง มีความรอบคอบต่อการตัดสินใจหรือการกระทำของเรา
พูดถึงน้ำที่เวิ้งว้าง หรือห้วงน้ำ ในทางพุทธศาสนาท่านกล่าวถึงห้วงน้ำที่เวิ้งว้างหรือโอฆะนี้...
โอฆะธรรม...ธรรมอันเปรียบเสมือนห้วงน้ำที่ท่วมทับสัตว์ให้จมลง
โอฆะธรรมหมายถึง
ธรรมอันเปรียบเสมือนห้วงน้ำ ได้แก่ โลภะ(ความโลภ),
ทิฏฐิ(ความเห็นผิด),
โมหะ(ความโง่).อกุศลเจตสิกทั้ง ๓ ประการนี้
เป็นธรรมที่เหมือนห้วงน้ำเพราะธรรมดาห้วงน้ำทั้งหลาย
เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดตกลงไปแล้วห้วงน้ำนั้นย่อมท่วมทับเบียดเบียนสิ่งเหล่านั้นให้จมลงยากที่จะทำให้โผล่พ้นขึ้นมาจากห้วงน้ำนั้นได้ความโลภ, ความเห็นผิด,
และความโง่ คือ โลภะ, ทิฏฐิ, และโมหะ ธรรมทั้ง
๓ประการนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน
ย่อมท่วมทับและเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายทำให้จมลงในสังสารวัฏฏ์ จนถึงอบายภูมิและยากที่จะโผล่พ้นจากสังสารวัฏฏ์นั้น
และให้เข้าถึงพระนิพพานได้.หมายความว่า
เมื่อสัตว์ทั้งหลายถูกครอบงำด้วยความโลภ ความเห็นผิดและความโง่หลงงมงายอยู่ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระย่อมถูกอำนาจอกุศลธรรมเหล่านั้น
ชักนำให้กระทำทุจริตกรรมนำสู่อบายภูมิอันเป็นภูมิเบื้องต่ำ ที่เรียกว่า
"เหฏฐิมสังสาร"หาโอกาสที่จะให้พ้นจากภูมินั้นได้ยากยิ่งหรือมิฉะนั้นก็จะชักนำให้ติดอยู่ในความเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิที่มีความสุข ความสบายอันเป็นสุคติภูมิเบื้องกลาง เรียกว่า
"มัชฌิมสังสาร"หรือภูมิเบื้องสูงที่เรียกว่า
"อุปริมสังสาร" ซึ่งในภูมิต่างๆดังกล่าวนั้นก็ล้วนยังไม่พ้นจากวัฏฏทุกข์อยู่ดีนั่นเองด้วยเหตุนี้ โลภะ,
ทิฏฐิ, โมหะ ทั้ง ๓ นี้ จึงชื่อว่าโอฆะ คือ
ห้วงน้ำดังมีวจนัตถะแสดงว่า
อีกทั้งยังมีวิทยาการที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นไปด้วยน้ำมือมนุษย์ อย่างที่ปัจจุบันได้ทราบอย่างโครงการ haarp ที่ใช้พลังคลื่นแม่เหล็กความถี่สูงเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาในชั้นบรรยากาศ สามารถทำให้เกิดพายุ แผ่นดินไหว สึนามิ ยิ่งทำให้โลกเกิดความวิปริตจากความวิปริตของมนุษย์ ซึ่งในวันหนึ่งมนุษย์ผู้ไม่รู้จะได้รู้ว่าพระธรรมชาติเจ้านั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
หากคุยกันในเรื่องความฝัน นิมิต ในส่วนตัวผมมักมองไปในแง่มุมของการโน้มไปสู่ธรรม เสียมากกว่าการจะพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะนิมิตคือเครื่องหมาย ก็ยังหาใช่ความจริงไม่ ส่วนจะเป็นเรื่องบังเอิญเป็นจริง หรือเป็นลางบอกเหตุ ก็เป็นสิ่งที่ให้เราได้มีสติ มีความระมัดระวัง มีความรอบคอบต่อการตัดสินใจหรือการกระทำของเรา
พูดถึงน้ำที่เวิ้งว้าง หรือห้วงน้ำ ในทางพุทธศาสนาท่านกล่าวถึงห้วงน้ำที่เวิ้งว้างหรือโอฆะนี้...
โอฆะธรรม...ธรรมอันเปรียบเสมือนห้วงน้ำที่ท่วมทับสัตว์ให้จมลง
อวตฺถริตฺวาหนนฺตีติ = โอฆา
ธรรมชาติใดย่อมท่วมทับเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย
ธรรมชาตินั้น ชื่อว่าโอฆะ
(ได้แก่
ห้วงน้ำ)
------------------------------------------
อวตฺหนนฺตีติโอสีทาเปนฺตีติ = โอฆา
ธรรมชาติใดทำให้สัตว์ทั้งหลายจมลง ธรรมชาตินั้น
ชื่อว่าโอฆะ
------------------------------------------
โอฆาวิยาติ = โอฆา
ธรรมชาติเหล่าใดท่วมทับเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย
และทำให้สัตว์ทั้งหลายนั้นจมลงในสังสารวัฏฏ์จนถึงอบายภูมิเหมือนกับห้วงน้ำ
ฉะนั้น
ธรรมเหล่านั้น ชื่อว่าโอฆะ
(ได้แก่
โลภะ, ทิฏฐิ, โมหะ)
ที่มา: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-430.html#post6292030