วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

58: โอฆะธรรม

จากอุทกภัยที่เกิดในบ้านเรา ในหลายที่หลายถิ่น ทำให้ทุกวันนี้ต่างวิตกกันว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ หากมองตามสภาพของโลกที่ขาดสมดุลหรือเรียกได้ว่าป่วย คงจะคาดคะเนกันได้ว่าทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ ด้วยธรรมชาติที่จำต้องมีการปรับสมดุลให้กับตัวเองเช่นกัน
อีกทั้งยังมีวิทยาการที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นไปด้วยน้ำมือมนุษย์ อย่างที่ปัจจุบันได้ทราบอย่างโครงการ haarp ที่ใช้พลังคลื่นแม่เหล็กความถี่สูงเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาในชั้นบรรยากาศ สามารถทำให้เกิดพายุ แผ่นดินไหว สึนามิ ยิ่งทำให้โลกเกิดความวิปริตจากความวิปริตของมนุษย์ ซึ่งในวันหนึ่งมนุษย์ผู้ไม่รู้จะได้รู้ว่าพระธรรมชาติเจ้านั้นยิ่งใหญ่เพียงใด


หากคุยกันในเรื่องความฝัน นิมิต ในส่วนตัวผมมักมองไปในแง่มุมของการโน้มไปสู่ธรรม เสียมากกว่าการจะพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะนิมิตคือเครื่องหมาย ก็ยังหาใช่ความจริงไม่ ส่วนจะเป็นเรื่องบังเอิญเป็นจริง หรือเป็นลางบอกเหตุ ก็เป็นสิ่งที่ให้เราได้มีสติ มีความระมัดระวัง มีความรอบคอบต่อการตัดสินใจหรือการกระทำของเรา

พูดถึงน้ำที่เวิ้งว้าง หรือห้วงน้ำ ในทางพุทธศาสนาท่านกล่าวถึงห้วงน้ำที่เวิ้งว้างหรือโอฆะนี้...


โอฆะธรรม...ธรรมอันเปรียบเสมือนห้วงน้ำที่ท่วมทับสัตว์ให้จมลง
โอฆะธรรมหมายถึง ธรรมอันเปรียบเสมือนห้วงน้ำ ได้แก่ โลภะ(ความโลภ), ทิฏฐิ(ความเห็นผิด), โมหะ(ความโง่).อกุศลเจตสิกทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นธรรมที่เหมือนห้วงน้ำเพราะธรรมดาห้วงน้ำทั้งหลาย เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดตกลงไปแล้วห้วงน้ำนั้นย่อมท่วมทับเบียดเบียนสิ่งเหล่านั้นให้จมลงยากที่จะทำให้โผล่พ้นขึ้นมาจากห้วงน้ำนั้นได้ความโลภ, ความเห็นผิด, และความโง่ คือ โลภะ, ทิฏฐิ, และโมหะ ธรรมทั้ง ๓ประการนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน ย่อมท่วมทับและเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายทำให้จมลงในสังสารวัฏฏ์ จนถึงอบายภูมิและยากที่จะโผล่พ้นจากสังสารวัฏฏ์นั้น และให้เข้าถึงพระนิพพานได้.หมายความว่า เมื่อสัตว์ทั้งหลายถูกครอบงำด้วยความโลภ ความเห็นผิดและความโง่หลงงมงายอยู่ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระย่อมถูกอำนาจอกุศลธรรมเหล่านั้น ชักนำให้กระทำทุจริตกรรมนำสู่อบายภูมิอันเป็นภูมิเบื้องต่ำ ที่เรียกว่า "เหฏฐิมสังสาร"หาโอกาสที่จะให้พ้นจากภูมินั้นได้ยากยิ่งหรือมิฉะนั้นก็จะชักนำให้ติดอยู่ในความเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิที่มีความสุข ความสบายอันเป็นสุคติภูมิเบื้องกลาง เรียกว่า "มัชฌิมสังสาร"หรือภูมิเบื้องสูงที่เรียกว่า "อุปริมสังสาร" ซึ่งในภูมิต่างๆดังกล่าวนั้นก็ล้วนยังไม่พ้นจากวัฏฏทุกข์อยู่ดีนั่นเองด้วยเหตุนี้ โลภะ, ทิฏฐิ, โมหะ ทั้ง ๓ นี้ จึงชื่อว่าโอฆะ คือ ห้วงน้ำดังมีวจนัตถะแสดงว่า
อวตฺถริตฺวาหนนฺตีติ = โอฆา

ธรรมชาติใดย่อมท่วมทับเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย

ธรรมชาตินั้น ชื่อว่าโอฆะ (ได้แก่ ห้วงน้ำ)

------------------------------------------
อีกนัยหนึ่งแสดงว่า
อวตฺหนนฺตีติโอสีทาเปนฺตีติ = โอฆา

ธรรมชาติใดทำให้สัตว์ทั้งหลายจมลง ธรรมชาตินั้น ชื่อว่าโอฆะ

------------------------------------------
หรืออีกนัยหนึ่งแสดงว่า
โอฆาวิยาติ = โอฆา

ธรรมชาติเหล่าใดท่วมทับเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย

และทำให้สัตว์ทั้งหลายนั้นจมลงในสังสารวัฏฏ์จนถึงอบายภูมิเหมือนกับห้วงน้ำ

ฉะนั้น ธรรมเหล่านั้น ชื่อว่าโอฆะ (ได้แก่ โลภะ, ทิฏฐิ, โมหะ)
โอฆะเหล่านี้ เมื่อกล่าวโดยภูมิ และโดยธรรมแล้ว ก็เป็นเช่นเดียวกับ อาสวะ นั่นเองโอฆะมี ๔ ประการ คือ.....๑. กาโมฆะ ธรรมชาติที่ทำให้สัตว์จมลงอยู่ในห้วงแห่งกามคุณอารมณ์๒. ภโวฆะ ธรรมชาติที่ทำให้สัตว์จมอยู่ในห้วงแห่งความยินดีในอัตภาพของตน ในรูปภพ, อรูปภพ, หรือในรูปฌาน, อรูปฌาน๓. ทิฏโฐฆะ ธรรมชาติที่ทำให้สัตว์จมอยู่ในความเห็นผิด๔. อวิชโชฆะ ธรรมชาติที่ทำให้สัตว์จมอยู่ในความหลง ความโง่ ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง
ที่มา: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-430.html#post6292030

(ที่มา...คู่มือการศึกษา พระอภิธัมมัตถสังคหะ รวบรวมโดย อาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี)